วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เขื่อนบางลาง

เขื่อนบางลาง 





เขื่อนบางลาง : กั้นแม่น้ำปัตตานี ที่บริเวณบ้านบางลาง ตำบลเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ห่างจากตัวอำเภอเมือง ๕๘ กิโลเมตร ตัวเขื่อนเป็นเขื่อนหินถม แกนดินเหนียว มีความสูง ๘๕ เมตร สันเขื่อนยาว ๔๓๐ เมตร กว้าง ๑๐ เมตร อ่างเก็บน้ำมีความจุ ๑,๔๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับน้ำเหนือเขื่อน ๒,๐๘๐ ตารางกิโลเมตร 
โครงการโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง นับเป็นโครงการอเนกประสงค์ แห่งหนึ่งตามแผนพัฒนาลุ่มน้ำปัตตานี โครงการนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้เข้ามาดำเนินการสำรวจและรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อใช้ประกอบการออกแบบงาน ด้านวิศวกรรมศาสตร์ เรื่อยมา โดยให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าในภูมิภาคส่วนนี้ ต่อมา คณะรัฐมนตรีได้มีอนุมัติให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ดำเนินการก่อสร้างงานโครงการโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๑๖ โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เช่น การจัดหาแหล่งที่มาของการลงทุน การจัดทำรายละเอียด การเรียกประกวดราคางานก่อสร้าง ด้านโยธาของ โครงการและอุปกรณ์เครื่องจักรต่างๆ
เขื่อนบางลาง เริ่มดำเนินการก่อสร้าง มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๑๙ แล้วเสร็จเดือน มิถุนายน ๒๕๒๔ เขื่อนบางลาง เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของภาคใต้ การก่อสร้างได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ก็ด้วยความเสียสละ ร่วมมือ ร่วมใจ จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากราษฎรในพื้นที่ หน่วยงานราชการต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่ เขื่อนแห่งนี้จึงมีขึ้นเพื่อ อำนวยประโยชน์แก่ประชาชน ในภูมิภาคนี้ของประเทศอย่างแท้จริง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อน เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๒๔



����͹�ҧ�ҧ



 อ้างอิง;http://www.banglang.egat.co.th/history/history.htm

แหล่งธรรมชาติ อ.รามัน



สวนทุเรียนโบราณ 300 ปี
เป็นสวนทุเรียนที่มีอายุประมาณ 300 ปี ภายในสวนมีต้นทุเรียนที่มีขนาดใหญ่และออกลูกทุกปี นอกจากนี้ภายในสวนยังมีผลไม้ชนิดอื่นปลูกรวมอยู่ด้วย เช่น มังคุด ลางสาด เป็นต้น



แหล่งบัวผุด
เป็นแหล่งที่มีบัวผุดขึ้นบนเทือกเขากาลอ จุดที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ในช่วงฤดูที่มีบัวผุดเท่านั้น ระหว่างการเดินทางเข้ามาจะได้ชมความหลากหลายของธรรมชาติมากมาย หลายชนิดของป่าชุมชนกาลอ


น้ำตกลาตอมูซอ

ตั้งอยู่บนเทือกเขากาลอ เป็นน้ำตกแห่งหนึ่งที่สวยงาม การเดินทางไปน้ำตกต้องเดินทางด้วยเท้าระยะทางจากถนนสายโกตาบารู-ท่าเรือ (ปากทาง) ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ระหว่างทางจะผ่านสวนทุเรียนโบราณ อายุประมาณ 300 ปี



อ้างอิง;http://www.thaitambon.com


ป่าฮาลา-บาลา


เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ยะลา ท่องเที่ยว

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ยะลา ท่องเที่ยว



 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ยะลา ท่องเที่ยวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ยะลา ท่องเที่ยว

 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ยะลา ท่องเที่ยว 
     เป็นพื้นที่อนุรักษ์แห่งใหม่ของประเทศไทย ได้รับการประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2539 อันเป็นแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย มีพื้นที่ประมาณ 270,725 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ทิวเขาสันกาลาคีรี ป่าฮาลาและป่าบาลาเป็นผืนป่าดงดิบที่ไม่ต่อเนื่องกัน แต่ได้รับการประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเดียวกัน คือ ป่าฮาลา ในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา และ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส แต่ส่วนที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปศึกษาธรรมชาติได้ จะเป็นป่าบาลาเท่านั้น ป่าบาลามีพื้นที่ครอบคลุม อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส มีการตัดถนนสายความมั่นคง (ทางหลวงหมายเลข 4062) ไปตามเทือกเขาสันกาลาคีรี ทำให้การเข้าถึงพื้นที่ป่าง่ายขึ้น เริ่มจากบ้านบูเก๊ะตา อำเภอแว้ง ตัดผ่านป่าบาลาและไปสิ้นสุดที่ บ้านภูเขาทองในอำเภอสุคิริน รวมระยะทาง 18 กิโลเมตร สองข้างทางมีสภาพเป็นป่าดงดิบที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย สำหรับการศึกษาธรรมชาติที่นี่เพียงขับรถไปตามถนนสายความมั่นคงก็จะได้ชมสิ่ง พิเศษมากมาย เริ่มจากที่ทำการเขตฯ เป็นต้นไป
ห่างจากสำนักงานมาประมาณ 5 กิโลเมตร จะมีจุดชมสัตว์ บริเวณนี้จะมีต้นไทรขึ้นอยู่มาก และสัตว์มักจะมาหากินลูกไทรเป็นอาหาร ตรงเข้ามาอีกประมาณ 10 กิโลเมตร จะพบที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ภูเขาทองซึ่งเป็นหน่วยย่อยของเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายดังกล่าว จะเป็นทำเลที่สามารถเห็นทะเลหมอกอีกจุดหนึ่ง จากจุดนี้เดินเข้าไปประมาณ 100 เมตร จะพบ ต้นสมพง(กระพง)ยักษ์ ขนาดเส้นรอบวง 25 เมตร ความสูงของพูพอน(ส่วนที่อยู่โคนต้นไม้เป็นปีกแผ่ออกไปรอบๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็นไม้ใหญ่ที่อยู่ริมน้ำ เพราะจะช่วยในการพยุงลำต้น) สูงประมาณ 4 เมตร ต้นสมพงเป็นไม้ที่ชอบขึ้นตามริมน้ำ เป็นไม้เนื้ออ่อนใช้ทำไม้จิ้มฟัน หรือไม้ขีด
ยังมีสัตว์ป่าที่ทำให้ป่าแห่งนี้มีความสมดุลทางระบบนิเวศน์ได้ สัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่หลายชนิดเป็นสัตว์ที่หายากในไทย เช่น ชะนีดำใหญ่ หรือ เซียมัง มีสีดำตลอดตัว และมีขนาดใหญ่กว่าชะนีธรรมดาเกือบเท่าตัว ชะนีมือดำ ซึ่งปกติจะพบเฉพาะในป่าบนเกาะสุมาตรา บอร์เนียว และป่าบริเวณทางเหนือของมาเลเซียถึงทางใต้ของไทยเท่านั้น บางครั้งอาจจะโชคดีได้พบเจ้าสองตัวนี้เกาะอยู่บนยอดกิ่งไม้ นอกจากนั้นยังมี กบทูด ซึ่งเป็นกบขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ความยาวจากปลายปากถึงก้น ประมาณ 1 ฟุต น้ำหนักกว่า 5 กิโลกรัม มีถิ่นอาศัยอยู่บริเวณป่าต้นน้ำบนภูเขาสูง และจากการสำรวจพบสัตว์ป่าสงวน 4 ชนิด คือ เลียงผา สมเสร็จ แมวลายหินอ่อน และ กระซู่ นกเงือกซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของป่า และเป็นนกหายากชนิดหนึ่ง แต่ในป่านี้พบถึง 9 ใน 12 ชนิดของนกเงือกที่พบในไทย ได้แก่ นกเงือกปากย่น นกเงือกชนหิน(เป็นนกเงือกชนิดเดียวที่มีโหนกแข็งทึบ ชาวบ้านในอินโดนีเซียจึงล่านกชนหินเพื่อเอาโหนกไปแกะสลักอย่างงาช้าง)นกแก๊ก นกกก นกเงือกหัวหงอก นกเงือกปากดำ นกเงือกหัวแรด นกเงือกดำ นกเงือกกรามช้าง ฤดูที่เหมาะสมที่สุด คือ กุมภาพันธ์-เมษายน
ผู้ที่มีความประสงค์เข้าพื้นที่เพื่อศึกษาธรรมชาติ ต้องทำหนังสือแจ้งความประสงค์มาล่วงหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตวป่าฮาลา-บาลา ตู้ ป.ณ. 3 อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส 96160 หรือฝ่ายกิจการเขตรักษาพันธุ์ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 7351 9202
สิ่งอำนวยความสะดวก ด้วยพื้นที่เขตรักษาพันธุ์เป็นพื้นที่เปราะบางจึงไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปพักแรม
การเดินทาง สามารถเหมารถสองแถวได้ที่ตลาดอำเภอแว้ง หรือสถานีรถไฟสุไหงโกลกหรือขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 4057 มุ่งหน้าไปยังอำเภอแว้งจนถึงบ้านบูเก๊ะตาจะมีป้ายบอกทางให้ขับต่อไปทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา
ฤดูกาลที่เหมาะแก่การไปศึกษาธรรมชาติที่นี่คือตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนกันยายนซึ่งจะมีฝนตกลงมาไม่มากเกินไปนัก
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ยะลา เป็นป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณสัตว์ป่าและนกหายากนานาชนิดและเป็นที่อาศัยของคนป่าเผ่าซาไก มีพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่ในแนวรอยต่อระหว่างจังหวัดยะลาและนราธิวาส เป็นต้นกำเนิดของแหล่งน้ำในเขื่อนบางลาง นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมธรรมชาติของขุนเขา ป่าไม้และสายน้ำโดยติดต่อเช่าเรือได้ที่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 445 ถนนสุขยางค์ อำเภอเบตง จังหวัดยะลาสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจกิจกรรมศึกษาธรรมชาติให้ทำหนังสือล่วงหน้าถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ล่วงหน้า 15วัน ที่ตู้ ป..3 อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส 96160 

อ้างอิง:http://travel.raikunni.com

บ่อนํ้าร้อน อ.เบตง

บ่อนํ้าพุร้อน อ.เบตง

บ่อน้ำร้อนเบตง






น้ำพุร้อนเบตง เดิมเป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ เป็นบ่อน้ำร้อนที่ประกอบไปด้วยแร่ธาตุมากมายมีอาณาบริเวณประมาณ  ๓ ไร่ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านบ่อน้ำร้อน  ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ห่างจากตัวเมืองเบตงไปทางเส้นทางหมายเลข ๔๑๐ (ยะลา-เบตง) ประมาณกิโลเมตรที่ ๔ และแยกเข้าไปตามเส้นทางแอลฟัลท์คอนกรีตอีกเกือบ ๗ กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ ๑๐ กิโลเมตร เป็นเส้นทางสัญจรที่มีความสะดวกและปลอดภัยเป็นอย่างมาก 

บ่อน้ำพุร้อนจะมีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน อุณหภูมิของน้ำประมาณ ๘๐ องศาเซลเซียส สามารถลวกไข่ให้สุกภายใน ๑๐ นาที และมีสระน้ำขนาดใหญ่ไว้กักน้ำจากน้ำพุร้อนเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ใช้อาบและแช่เท้าเล่น ซึ่งเชื่อว่าน้ำแร่ในน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคภัยได้เป็นอย่างดี เช่น โรคผิวหนัง โรคปวดเมื่อย โรคเหน็บชา เป็นต้น

แหล่งที่พบ
          
บ่อน้ำพุร้อนเบตงพบที่บริเวณหมู่บ้านบ่อน้ำร้อน    ตำบลตาเนาะแมเราะ   อำเภอเบตง   จังหวัดยะลา

ความสัมพันธ์กับชุมชน
          
บ่อน้ำพุร้อนมีแร่ธาตุช่วยรักษาโรคต่างๆ  ชุมชนที่อยู่ใกล้พื้นที่และนักท่องเที่ยวต่างไปอาบน้ำแร่ จึงมีประโยชน์ทางด้านการรักษาสุขภาพ และมีการนำอาหารไปรับประทานร่วมกันในวันหยุดราชการ หรือวันปกตินับเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ

ความสำคัญทางเศรษฐกิจ
          
ปัจจุบันบริเวณน้ำพุร้อนเบตงได้มีชมรมธุรกิจการท่องเที่ยวอำเภอเบตง ทั้งภาครัฐและเอกชนเล็งเห็นถึงความสำคัญของนโยบายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของรัฐบาล จึงได้ร่วมมือกันส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวบ่อน้ำร้อนเบตง โดยได้ดำเนินการปรับปรุงบ่อน้ำร้อนแห่งนี้โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมดัดแปลงจากน้ำที่เคยผุดขึ้นมาจากพื้นดินธรรมดาเป็นน้ำพุร้อนที่พ่นสูงขึ้นไปในอากาศดูสวยงาม และจัดทำสถานที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปต้มไข่ในบริเวณใกล้จุดที่น้ำพุร้อนผุดขึ้นมาอย่างสะดวกสบาย ตลอดจนปรับปรุงสถานที่รายรอบให้เป็นสวนหย่อม  ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับให้สวยงาม  สร้างศาลาพักผ่อน  สร้างร้านค้าขายอาหาร สร้างห้องอาบน้ำแร่ไว้คอยบริการแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้อาบกันเป็นส่วนตัวอีกด้วย

อ้างอิง:http://www.siamsouth.com

ตู้ไปรษณีย์ อ.เบตง จ.ยะลา



"อำเภอเบตง" คือ อำเภอใต้สุดของประเทศไทย และเป็นเป็นเมืองที่มีความสำคัญด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้า เป็นเมืองหน้าด่านที่จะนำสินค้าเข้าออกไปยังท่าเรือน้ำลึกปีนังของมาเลเซีย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้และทิวเขาสันกาลาคีรี โดยตัวเมืองเบตงอยู่ห่างจากด่านชายแดนเบตงเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ 140 กิโลเมตร 

    หากมีโอกาสมาเยือนเบตงต้องไม่พลาดไปชมความยิ่งใหญ่ของ "ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในไทยและที่สุดในโลก" โดยตู้ไปรษณีย์แห่งนี้ ตั้งอยู่ ณ มุมถนนสุขยางค์ บริเวณสี่แยกหอนาฬิกา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2467 เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีเส้นรอบวงของตัวตู้ประมาณ 140 ซม. ตู้มีความสูงถึง 290 ซม. นับจากฐานขึ้นไป รวมความสูงทั้งหมดประมาณ 320 ซม. อายุร่วม 80 ปี

      ในอดีตการเดินทางและการติดต่อสื่อสารระหว่างอำเภอเบตงกับอำเภออื่น ๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก การติดต่อสื่อสารด้วยจดหมายจึงสะดวกที่สุด โดยนายสงวน จิระจินดา นายกเทศมนตรีอำเภอเบตง ในขณะนั้นเคยเป็นนายไปรษณีย์มาก่อน จึงได้จัดสร้างตู้ไปรษณีย์นี้ไว้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การติดต่อสื่อสารของอำเภอเบตง และยังได้ติดตั้งวิทยุกระจายเสียงไว้ในส่วนบนของตู้ เพื่อให้ประชาชนได้รับฟังข่าวสารจากทางราชการด้วย และปัจจุบันตู้ไปรษณีย์ใบนี้ ก็ยังใช้งานอยู่พร้อมบริการรับจดหมายเหมือนตู้ไปรษณีย์ทั่วๆไป 
  และในปัจจุบันเพื่อความเป็นที่หนึ่งและเพื่อสื่อถึงสัญลักษณ์แห่งการสื่อสารของอำเภอเบตง เทศบาลเมืองเบตงจึงได้จำลองตู้ไปรษณีย์ขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง 3.5 เท่า ตั้งอยู่บริเวณศาลาประชาคม ถนนสุขยางค์ มีความสูงประมาณ 9 เมตร เป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และตู้ไปรษณีทั้งสองแห่งยังคงสามารถใช้งานได้เหมือนกับตู้ไปรษณีทั่วไปอีกด้วยค่ะ

รวมภาพตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในไทยและที่สุดในโลก อำเภอเบตง จังหวัดยะลา


ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในไทยและที่สุดในโลก (แห่งใหม่) 



อ้างอิง:http://travel.thaiza.com